Monday, February 4, 2008

ปราสาทปักษีจำกรง

ปราสาทปักษีจำกรง
(รูปแบบสถาปัตยกรรมจัดอยู่ในแบบศิลปะเกาะแกร์ พ.ศ.1464-1490)
พระเจ้าหรรษะวรมันที่
1 (พ.ศ.1450-1465) โปรดให้สร้างขึ้นในราวปีพ.ศ.1465 ในยุคศิลปะแบบเกาะแกร์
เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชบิดาและมารดา
ประกอบด้วยปราสาทอิฐหลังเดียวอยู่บนฐานศิลาแลง 3 ชั้น
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทับหลังแกะสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
เทพผู้รักษาทิศตะวันออก จารึกภาษาสันสกฤตบนกรอบประตูทั้งสองด้านกล่าวว่า
พระเจ้าหรรษวรมันที่ 1
โปรดให้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายแด่พระราชบิดาและพระราชมารดา
โดยโปรดให้ประดิษฐานรูปเคารพพระศิวะและพระอุมาไว้
ต่อมาพระเจ้าราเชนทรวรมัน (พ.ศ.1487-1511) มาซ่อมแซมในราว พ.ศ.1490
ด้วยการประดับปูนปั้นสีขาว

ชื่อปราสาทปักษีจำกรงเป็นชื่อเรียกตามนิยายพื้นบ้าน
เพราะไม่พบจารึกบอกชื่อของปราสาท ซึ่งชื่อมักจะมาจากภาษาสันสกฤต
เพราะว่าสร้างในศาสนาฮินดู หรือไม่ก็ศาสนาพุทธลัทธิมหายาน
เมื่อไม่พบจารึกก็ไม่สามารถทราบชื่อเดิมของปราสาทได้
นิยายโบราณที่เล่าสืบต่อกันมานั้นมีอยู่ว่า
ครั้งหนึ่งมีข้าศึกยกทัพมาประชิดเมืองพระนคร
กษัตริย์ก็หลบหนีข้าศึกมาหลบซ่อนอยู่ข้างนอก ข้าศึกเกือบจะจับตัวได้แล้ว
แต่มีนกใหญ่ตัวหนึ่งบินมากางปีกคุ้มกันกษัตริย์ให้หนีจากข้าศึกได้
และรวบรวมไพร่พลขึ้นมาต่อสู้ข้าศึกจนชนะและกลับมาครองราชย์อีกครั้ง
จึงสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นกตัวนี้ และให้ชื่อว่า
ปราสาทปักษีจำกรง
คำว่า “กรง” ที่มีความหมายว่าเมืองใหญ่
ที่ตรงกับคำไทยว่า “กรุง” กับกลายเป็นที่อยู่ของนกในความเข้าใจของคนไทย
ก็น่าจะมาจากนิทานนกอยู่กรงหรือปักษีจำกรงของกัมพูชา

กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
คิดว่าปราสาทแห่งนี้คงเป็นต้นเค้าของการเอาศพใส่โกศของไทย จริงๆ
แล้วธรรมเนียมการใส่ศพในโกศของเราเป็นธรรมเนียมของพราหมณ์
ไม่เกี่ยวกับพุทธเลย
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการให้คนที่ตายแล้วไปอยู่รวมกับพระอิศวร
จะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป คำเดิมของคำว่า “โกศ” แปลว่า
“ที่ครอบศิวลึงค์” และศิวลึงค์ก็คือพระอิศวรนั่นเอง

ตรงผนังด้านในของกรอบประตูปราสาทปักษีจำกรงนี้
มีจารึกอักษรเขมรที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษ บรรพสตรีของชาวเขมร
โดยกล่าวถึงชื่อศรีกัมพุชและเมรา
ซึ่งเป็นบุรุษและสตรีคู่แรกของดินแดนแห่งนี้ (เหมือนๆกับ อดัมส์กับอีฟ
นั่นแล) ที่มาของชื่อแผ่นดินนี้ คือกัมพูชา ที่แปลว่าผู้สืบทอดมาจากกัมพุช
และคำว่าเขมร ที่หมายถึงเหล่าคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งกัมพุช
ที่มีต้นคำจากเมรา นี่คือจารึกเมื่อประมาณเกือบ 1 พันปีมาแล้ว

Powered by ScribeFire.

No comments: